รู้จักโรคไข้หูดับ อาการของโรค พร้อมแนะวิธีป้องกัน

การติดต่อของโรคไข้หูดับ
โรคไข้หูดับสามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทางหลักๆ คือ
- การรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยเฉพาะเนื้อหมู เช่น ลาบ หลู้ แหนม ฯลฯ โดยเชื้อแบคทีเรียจะเข้าไปทางระบบทางเดินอาหาร
- การสัมผัสกับเลือดหรือน้ำเหลืองของสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น จากการถูกกัด หรือการสัมผัสกับบาดแผลของสัตว์
อาการของโรคไข้หูดับ
อาการของโรคไข้หูดับจะปรากฏหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 3-5 วัน โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้
- อาเจียน
- คอแข็ง
- หูหนวก
- ท้องเสีย
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
หากผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะหากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้
การรักษาโรคไข้หูดับ
การรักษาโรคไข้หูดับในปัจจุบัน แพทย์จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นหลัก โดยยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาโรคไข้หูดับ ได้แก่ ยาเพนิซิลิน (Penicillin) ยาเซฟาโลสปอริน (Cephalosporin) และยากลีโคเปปไทด์ (Glycopeptide)
วิธีป้องกันโรคไข้หูดับ
โรคไข้หูดับสามารถป้องกันได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยเฉพาะเนื้อหมู เช่น ลาบ หลู้ แหนม ฯลฯ
- ปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกทั่วถึง โดยเนื้อหมูต้องสุกจนไม่มีสีแดงหรือเลือดอยู่ภายใน
- แยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อสัตว์สุกและดิบออกจากกัน ไม่ใช้เขียงของดิบและของสุกร่วมกัน
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสสัตว์ และก่อนรับประทานอาหาร
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หูดับ สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรค
กลุ่มเสี่ยงต่อโรคไข้หูดับ
กลุ่มเสี่ยงต่อโรคไข้หูดับ ได้แก่
- ผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ เช่น เกษตรกร ผู้เลี้ยงหมู ผู้ชำแหละเนื้อ
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรค เช่น ชุมชนที่มีคนเลี้ยงหมูจำนวนมาก ชุมชนที่มีคนบริโภคเนื้อหมูดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ
- ผู้สูงอายุ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
นอกจากการป้องกันโรคไข้หูดับตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้
สรุป
โรคไข้หูดับเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ซึ่งพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด โรคนี้สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทางหลักๆ คือ การรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ และการสัมผัสกับเลือดหรือน้ำเหลืองของสัตว์ที่ติดเชื้อ
อาการของโรคไข้หูดับจะปรากฏหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 3-5 วัน โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
การรักษาโรคไข้หูดับในปัจจุบัน แพทย์จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นหลัก
โรคไข้หูดับสามารถป้องกันได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ ได้แก่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ ปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกทั่วถึง แยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อสัตว์สุกและดิบออกจากกัน ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หูดับสำหรับกลุ่มเสี่ยง
ใส่ความเห็น